Skip to main content

ช่วงชีวิตสูงและต่ำที่สุด 25 - 39 ปี

ชีวิตในช่วงนี้ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญที่เป็นเหมือน "ประตูทางเข้า" สู่โลกภายในอย่างแท้จริง (จิตวิญญาณ) ซึ่งจริง ๆ แล้วตั้งแต่เด็ก ก็เป็นคนที่มีคำถามเกี่ยวกับชีวิต ความตาย และตั้งคำถามกับทุกอย่าง เป็นคนที่เหมือนกบฎเงียบ ๆ ในใจตลอดเวลา แต่หาคำตอบจากผู้ใหญ่รอบตัวและที่โรงเรียนไม่ได้เลย อ่านหนังสือก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ รู้แค่ว่าชอบอยู่ในสมาธิเวลาที่โรงเรียนเขาให้ทำก่อนเข้าห้องเรียนหรือในชั่วโมงพุทธศาสนา/จริยธรรม หรือมีเข้าค่าย ก็เท่านั้นเอง แต่ไม่ชอบไปวัด ไม่ชอบทำบุญ เพราะเรารู้สึกว่ามันไม่ได้ช่วยให้ผู้ใหญ่ในบ้านเรามีความสุขที่ใจ บ้านไม่ได้สงบเพราะการทำสิ่งนี้นี่นา... 

แล้วเหมือนชีวิตได้พัดพาให้ต้องออกจากงานประจำที่สุดท้ายคือ กัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย ซึ่งเงินเดือนค่อนข้างดี แต่รู้สึกมันตัน ไม่มีความสุข ประกอบกับคุณยายไม่สบายหนักด้วย เลยตัดสินใจกลับบ้านที่เชียงราย โดยไม่มีแผนการเลยว่าจะทำอะไรต่อ และ ล้มเหลวในงานประจำและทุกอย่างในวัย 20 กลาง ๆ แบบสุด ๆ self-esteem ต่ำติดลบแบบสุด ๆ เลยทีเดียว 

แต่พอได้กลับมาอยู่บ้าน เราอยู่ชนบท ตอนนั้นเมืองพาน (จ.เชียงราย) ยังเงียบมาก แม้จะเป็นอำเภอที่ค่อนข้างใหญ่ แต่ในช่วงปี 2552 ที่เริ่มอยู่บ้าน ก็ยังไม่มีอะไรมากมาย แต่โชคดีที่มีโลตัสและร้านหนังสือ SE-ED ที่เป็นแหล่งเชื่อมต่อกับโลกภายนอกของเรา และมีอินเตอร์เน็ตแบบต่อสาย LAN แบบเติมเงินเท่านั้นเอง แต่ก็ได้มีเวลาอยู่กับตัวเองมากขึ้น และได้มีเวลาดูแลคุณยายไปด้วย แต่ก็ใช่ว่าใจเราจะสบายเพราะเราก็ยังไม่รู้ว่าชีวิตจะไปยังไงต่อดี และคุณแม่ก็เป็นห่วง อยากให้ไปสอบราชการ แต่เราไม่อยาก ไม่ชอบ เลยปฏิเสธอไป แต่มันก็อิ่มใจ สุขใจที่ได้อยู่กับท่านจนวาระสุดท้ายของท่านในเดือนตุลาคม 2552  

แต่เราก็พยายามค้นหาทางออก ก็เริ่มได้คำตอบในช่วงกลางปีนั้น ก็มาสำรวจตัวเองว่ามีอะไรอยู่ในมือบ้างตอนนี้ มีทักษะ ความรู้ ความสามารถอะไรบ้าง เด่น ๆ ก็จะมีภาษาอังกฤษอ่านเขียน IT อินเตอร์เน็ต แปลภาษา และการเขียน และเราเป็นคนชอบทดลองมาตั้งแต่เด็กด้วย 

แล้วก็มาถามตัวเองต่อว่า แล้วจะทำเกี่ยวกับอะไร ก็ได้คำตอบให้ตัวเองว่า ทำบนออนไลน์นี่แหละ เพราะเราก็อยากดูแลยายไปจนกว่าจะวาระสุดท้าย ต้องทำอะไรที่เราคือผู้เชี่ยวชาญแล้วคนจะต้องเข้ามาหาเราเองโดยที่เราทำอยู่บ้านนี่แหละ แล้วจะเชี่ยวชาญอะไรล่ะ เพราะตอนนั้นถ้าเทียบกับเพื่อนที่จบรุ่นเดียวกัน เราจัดว่าล้มเหลวมาก ๆ เลย 

ไป ๆ มา ๆ ก็ปิ๊งได้ว่า เออ...เรื่องสิวนี่แหละ เพราะเป็นมาทั้งชีวิตเลย อยากหายขาดด้วย อยากมีชีวิตที่ไม่เป็นสิวอีกต่อไป มันเป็นปมชีวิตมาก ๆ เอาเรื่องนี้แหละ ลองไปค้นหาวิธีธรรมชาติมา ที่รักษาจากข้างในที่ต้นตอกันไปเลย 

คือ เรารู้ตัวเองอย่างหนึ่งว่า เราเป็นคนที่ถ้าตั้งใจทำอะไรแล้ว เราจะทำได้ทุกอย่างแน่นอน เราไม่ได้สนใจว่ามันจะได้ช้าหรือเร็ว แต่ถ้าเราต้องการ เราหาวิธีได้แน่

มันคือสิ่งที่เราอยากทำด้วยและมันก็คือสิ่งที่คนมีปัญหาเยอะด้วย เราก็จับด้านนี้เลย เริ่มเขียนบันทึกแบบเรียล ๆ ไม่มีแต่งอะไรเลย ใช้กล้อง โทรศัพท์ และโน้ตบุ๊คเครื่องเก่า ๆ อินเตอร์แบบสาย LAN มีแค่นั้น ก็ใช้แค่นั้น ค่อย ๆ สร้างมา คุณยายหลับ ก็มาถ่ายรูป เขียนคอนเทนต์ ซึ่งก็คือทั้งหมดที่บันทึกในบล็อกนี้ https://bye-bye2acne.blogspot.com/2020/06/index.html

ช่วง 2 ปีแรก ก็ยังไปได้ดีมาก เพราะเราขับเคลื่อนงานด้วยพลังของความรักล้วน ๆ มันคือพลังงานที่ล้นเกินให้ได้กับคนที่ต้องการอย่างเต็มที่ 

แต่ช่วงเข้าปีที่ 3 เริ่มรู้สึกไม่ค่อยมีความสุขแล้ว เพราะ หลายอย่างมันเริ่มสวนกับตัวตนของตัวเอง แต่ก็ยังทำต่อไป แต่ความพังและความเสียหายก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งมันเริ่มต้นที่ภายในแต่เราไม่รู้และยังฝืนทนทำต่อไปเรื่อย ๆ แม้จะมีสัญญาณมาหลายระลอก แต่เราก็ไม่รู้ ก็ทุกข์หนักขึ้น สูญเสียมากขึ้นเรื่อย ๆ จนในที่สุด ก็ไปต่อไม่ได้ ต้องล้มเลิกกิจการนั้นไป แล้วค่อย ๆ ฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ ซึ่งถือว่าหนักและท้าทายมาก ๆ 

ในช่วงปีหลัง ๆ เป็นช่วงที่เรียกว่า "Wounded Healer" คือ เราดูแลคนอื่น ฮีลคนอื่น ทั้งที่เราเองยังมีบาดแผลภายในอยู่มากที่ยังไม่ได้ฮีล ซึ่งได้คำตอบไม่นานมานี้ (ตุลาคม 2568) ว่ามันเป็นลักษณะหนึ่งของเอ็มพาธที่ยังไม่รู้ตัว คือ ช่วยเหลือคนอื่นจากความขาด ไม่ได้มาจากพลังที่ล้นเกิน พลังงานไหลออกตลอดเวลา ไม่เก็บไว้ให้ตัวเอง เป็นภาวะละเลยตัวเอง รู้สึกดีเมื่อตัวเองมีคุณค่ากับคนอื่นเท่านั้น แต่ไม่ได้รักตัวเองและรู้สึกถึงคุณค่าในตัวเองอย่างแท้จริง เมื่อทำไปในระยะยาว จึงทำให้เกิดภาวะเหมือนเลือดไหลไม่หยุด ซึ่งไม่ได้ให้พลังเฉพาะกับในงานเท่านั้น แต่ยังเป็นกับทุกคนในครอบครัวด้วย ในที่สุดก็เกิดอาการ burn out ในการใช้ชีวิตและการให้ เหมือนอยากจะกลับมาดูแลตัวเองแล้วในช่วงอายุใกล้ 40 

งานหลักและชีวิตในช่วงนี้จะอยู่ภายใต้พลังงานของ "สิวซีเคร็ต" ที่ต่อยอดมาจากบล็อกดังกล่าว ความความรู้สึกหนักและเจ็บปวดที่ผูกกับคำคำนี้ ทำให้บีมตัดสินใจ "ลบ" งานทุกอย่างเกี่ยวกับสิวซีเคร็ตทุกช่องทางบนออนไลน์ แต่ยังคงบล็อกดังกล่าวไว้ เพราะรู้สึกแบบนั้นโดยไม่มีเหตุผลใด ๆ ซึ่งลบประมาณเดือนมีนาคมปี 2564 และเริ่มต้นใหม่กับงานประจำที่กรุงเทพในตำแหน่งครูสอนภาษาไทยให้ชาวต่างชาติ ด้วยพลังงานและความรู้สึกที่ต้องแยกตัวเองออกจากครอบครัวอย่างรุนแรงในช่วงนั้นเพื่อมารีเซ็ตพลังงานของตัวเองใหม่ทั้งหมด

บีมได้ลองพยายามรวบรวมงานของสิวซีเคร็ตในช่วงอายุ 25-39 ปีมาให้ดังนี้นะคะ เนื่องจากพลังงานบีมกระโดดมาก จึงมีหลายลิงค์หน่อยนะคะ ภาษาพลังงานเรียกว่า "ไม่กราวนด์" (ungrounded) 

  1. https://bye-bye2acne.blogspot.com  : บันทึกการทดลอง ประสบการณ์ สรุปความรู้ การแก้ปัญหาสิวเรื้อรัง สิววัยผู้ใหญ่ สิวฮอร์โมน ที่ต้นตอจากภายในด้วยตัวเองแนวธรรมชาติองค์รวมของบีม 10 ส.ค. 2552 - 30 ม.ค. 2564
  2. https://beamempath8.wordpress.com : บันทึกความรู้ & ประสบการณ์ฮีล กาย ใจ จิตวิญญาณ ปี 2018 – 2022
  3. beamsbooks.wordpress.com : รวบรวมหนังสือที่บีมเขียนในช่วงเวลานี้ทั้งหมด  
  4. https://www.openlink.co/siwsecre : สรุปงานสิวซีเคร็ต รีวิว ขั้นตอนรักษาสิว บริการให้คำปรึกษา
  5. https://www.facebook.com/siwsecret2020: Facebook page ที่มีเพื่อนเคยทำไว้เพื่อขาย e-book และคอร์สออนไลน์
  6. https://pantip.com/topic/3542638 : โพสต์ที่เคยเขียนใน pantip บางส่วน
ส่วนของคลิปวิดีโอไม่มีบนช่องทางออนไลน์แล้วค่ะ อาจจะมีบ้างถ้าค้นด้วยคำว่าสิวซีเคร็ต อาจจะเจออยู่บ้างแต่ไม่มากเท่าเมื่อก่อนแล้ว เพราะ บีมทำงานไว้หลายช่องทาง ไปตามลบได้ไม่หมด แต่ก็ดีตรงที่ว่า มีเหลือให้ดูต่างหน้าเป็นหลักฐานการใช้ชีวิตช่วงนั้นให้เพื่อน ๆ ดูได้

ตอนอายุ 38 ปี คือ พังมากทุกมิติ ร่างกายก็แย่มาก ปัสสาวบ่อยมาก เริ่มท้องผูก เริ่มหุ่นใหญ่ (ไขมันสะสมช่วงสะโพกและหน้าท้อง) สมองก็ทำงานได้ช้ามาก เป็นเพราะสภาวะเครียดสะสมมานาน มีภาวะซึมเศร้าแบบไม่รู้ตัว 3 ปี แต่หายได้ด้วยการใช้โยคะหัวเราะ TRE (Trauma & Tension Releasing Exercise) และพลังงานบำบัดเป็นหลัก ร่วมกับแนวทาง self-care แบบธรรมชาติองค์รวมที่ใช้มาอยู่แล้วตั้งแต่เริ่มเคลียร์สิวและเปลี่ยนผิวจากภายในด้วยตัวเอง 

และก็ได้เรียนรู้วิธีดูแลตัวเองตามแนวทางของท่าน Sadhguru เรียกว่า เป็นการรื้อตัวเองจากระดับจิตวิญญาณออกมาเลยทีเดียว และได้ลงลึกเกี่ยวกับธาตุทั้ง 4 ซึ่งไม่เพียงแต่ได้เรื่องสุขภาพ แต่ได้ยกระดับจิตวิญญาณผ่านการดูแลธาตุทั้ง 4 อย่างถูกต้อง เชื่อมต่อกับพลังงานจักรวาลไปด้วย และได้มาพบกับแนวทางการภาวนา OSHO เพิ่มเติม โดยมีครูโซโนโกะเป็นกระบวนกร ซึ่งเธอก็ได้ผสมผสานกับสิ่งที่เธอถนัด คือ ศิลปะการแสดง การเต้น และการพัฒนาศักยภาพมนุษย์ และมีหลายอย่างที่บีมไม่เคยได้รู้มาก่อน พอได้มาฝึกภาวนาแนวทางนี้ เรียนรู้อะไรจากเธอและ community นี้ ก็รู้สึกว่าช่วยแก้ปัญหาที่ติดอยู่ภายในได้หลายอย่างมาก แต่เพราะปัญหาภายในมันเยอะมาก ก็ฝึกต่อเนื่องไปค่ะ ให้มันเบาบางไปเรื่อย ๆ 

นอกจากนี้ พอดีได้เรียนรู้เกี่ยวกับศาสตร์การย้อนและชะลอวัยมาตั้งแต่ปี 2558 จากบริษัทขายตรง J และใช้ผลิตภัณฑ์ของเขาแล้วย้อนวัยได้จริง แต่เพราะผลิตภัณฑ์ราคาค่อนข้างสูง จึงใช้ได้เพียง 2 ปี พอเลิกทำธุรกิจแล้ว จึงไม่สามารถใช้ต่อได้ 

และในช่วงอายุเข้า 39 ปี ก็ได้ลงเรียนหลักสูตรระยะสั้น "วิทยาศาสตร์ชะลอวัย 30 ชั่วโมง" ที่จัดโดยมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงและมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยเพื่อบุคคลทั่วไปได้นำไปใช้ในการดูแลตัวเองและครอบครัว ซึ่งได้เรียนจากอาจารย์แพทย์และผู้เชี่ยวชาญของมหาวิทยาลัยหลายท่าน 

และก็เริ่มมาสนใจการ manifest เพื่อผิวใสและสุขภาพดี จริง ๆ เน้นไปที่สร้างผิวให้กลับไปเป็นเหมือนไม่เคยเป็นสิว เพราะบีมจะมีคล้าย ๆ ผิวเสีย พังผืด จากการไปคลินิกสมัยที่รักษาสิวด้วยเคมีเยอะ ๆ บริเวณแก้ม กราม และคาง แต่ช่วงหลัง ๆ การเงินไม่ค่อยดี เลยไม่สามารถซื้อเซรั่มมาช่วยได้ ก็มาลองฝึก manifest ผิวใหม่ตามแนว Dr.Joe Dispenza ดู ก็ค่อย ๆ ได้คำตอบและทางออกตามภายในของเราที่เปลี่ยนแปลงไป จนผิวเปลี่ยนจริงมาเรื่อย ๆ ค่ะ

ในปีที่บีมเข้า 40 ปี เป็นปีที่อธิษฐานจิตตั้งแต่ต้นปีเลยว่า ปีนี้ต้องเกิดใหม่ให้ได้ ขอทิ้งทุกพลังงานเก่า ๆ อยาก REBORN ทางจิตวิญญาณมาก ๆ แล้วก็ได้จริงตามนั้นค่ะ 

เพื่อน ๆ ที่อยากติดตามต่อ สามารถเข้าไปที่ลิงค์งาน Empath นะคะ จะเป็นงานที่บีมเหมือนได้รับสัญญาณให้กลับมาบนออนไลน์หลังจากที่ปิดงานสิวซีเคร็ตไป (จริง ๆ ตั้งใจว่าจะไม่ทำออนไลน์แล้วค่ะ มันเพลียมาก อยากอยู่เงียบ ๆ ทำงานประจำเงียบ ๆ ไปยาว ๆ) 

บีมออกจากงานประจำ 10 ตุลาคม 2567 แล้วเริ่มทำช่องติ๊กต่อกโดยที่ยังไม่รู้จะทำอะไรเลยค่ะ แต่ก็ทำไปก่อนด้วยชื่อช่อง "สิวซีเคร็ต 11" เพราะเป็นสิวซีเคร็ตที่เปลี่ยนใหม่แล้ว แต่ภายหลังก็มีคอนเทนต์ที่เกี่ยวกับเอ็มพาธและนาร์ซิซิสออกมา ก็พบว่าได้รับความสนใจเยอะมาก และสอดคล้องกับภายในด้วยว่าให้ทำเกี่ยวกับเอ็มพาธค่ะ เลยเปลี่ยนชื่อช่องตั้งแต่นั้นมาเป็น Beam Empath 

เดือน ต.ค. 2568 เป็นช่วงที่บีมตกผลึกและมองเห็นความจริงของ "เอ็มพาธ" ตามที่บีมต้องการทั้งหมดแล้ว เหมือนจบบทนี้เรียบร้อยแล้ว และกำลังก้าวไปสู่บทเรียนใหม่ที่ยังไม่รู้ว่ามันคืออะไรค่ะ ให้มันไม่มีชื่อตอนไปแบบนั้นล่ะ เปิดพื้นที่ให้กับการ unfold ตามสภาวะแท้จริงภายในเลย 

บีมก็เลยรวบรวมประสบการณ์และการตกผลึกในช่วง 1 ปีที่ผ่านมานี้ให้กับเพื่อน ๆ ได้เข้าไปเรียนรู้ด้วยตัวเองได้เลยนะคะ ที่ https://linktr.ee/beamempath ค่ะ

งานล่าสุด...

หลังจากที่บีมได้กลับมาดูในตัวเองช่วงก่อนหน้านี้ บีมก็ได้คำตอบแล้วว่า พลังงานมาถึงจุดที่ต้องการพัก ดู สังเกต สรุป และเก็บพลังงานทั้งหมดกลับเข้ามาในตัวเอง

สิ่งที่เกี่ยวกับภายในของบีมเอง บีมจะเก็บไว้กับตัวเองเท่านั้น จนกว่าจะมีวันที่มีสัญญาณว่า ให้นำออกมาแบ่งปันกับผู้คนนะคะ

ตอนนี้บีมแบ่งปันเกี่ยวกับการดูแลร่างกายในช่อง TikTok ใหม่ค่ะ ซึ่งบีมทำสำเร็จแล้ว มีผลลัพธ์แล้วจริง ๆ มั่นใจในการถ่ายทอดออกไป ซึ่งบีมมองเห็นว่าตอนนี้อยู่ในช่วงที่โลกของเรากำลังเปลี่ยนพลังใหม่หมดเลย คลื่นสูงขึ้น ร่างกายเราเองก็ต้องปรับตัวด้วยค่ะ ซึ่งองค์ความรู้และประสบการณ์ที่บีมสั่งสมมาเกี่ยวกับการเปลี่ยนร่างกายและผิวตั้งแต่ปี 2552 จนถึงตอนนี้ มันมีมากจนล้น ใครเห็นก็ทักว่าดูเด็กจริงค่ะ ทางจิตวิญญาณเราก็ไปถึงที่ที่เราต้องการด้วยวิธีดูแลตัวเองแบบนี้ มันได้ประโยชน์ทุกมิติเลย 

เพื่อน ๆ ที่สนใจการดูแลร่างกายให้ได้ผลลัพธ์ที่สอดคล้องกับโลกใหม่ ไปดูได้ที่ช่องนี้เลยนะคะ บีมมีทั้งความรู้และของแนะนำค่ะ https://www.tiktok.com/@healandclean (จริง ๆ ชื่อ Clean & Heal แต่ตอนบีมเขียน ID บีมเขียนสลับกัน ต้องรอเดือนนึงจึงจะเปลี่ยนได้ค่ะ เกรงเพื่อน ๆ จะสับสน เลยชี้แจงให้ก่อน)

แล้วเจอกันในช่องนะคะ

With Light & Love,
Beam 

24 ต.ค. 68
21.37 น.



Comments

Popular posts from this blog

ที่มาของบล็อกนี้ และ อัพเดทงานล่าสุด (24 ต.ค. 68)

ที่มาของบล็อกนี้ เกิดจากตอนที่บีมดูคลิป Sit Down with Stand Up ที่ป๋าเต๊ดสัมภาษณ์พี่โน้ส อุดม แต้พานิช ไปได้ครึ่งตอน แล้วบีมก็รู้สึกว่า เราเองก็อยากรวบรวมทุกคอนเท้นต์ที่เราเคยทำมาให้คนอื่น ๆ ได้เรียนรู้เหมือนกัน ซึ่งพี่เขาเองก็มีจุดที่มีปัญหาอยู่ แต่เขาก็สร้างสรรค์อะไรมากมายได้ ใช้ชีวิตในแบบของเขามาได้เรื่อย ๆ และเขาก็พูดว่า จริง ๆ แล้วทุกคนมีสิ่งผุพังอยู่หมดล่ะครับ แต่แค่แสดงว่าเป็นปกติเท่านั้นเอง (จริง ๆ คำพูดอาจต่างจากนี้นะคะ แต่ใจความประมาณนี้ค่ะ) ซึ่งบีมเองก็เห็นด้วยมาก ๆ กับคำพูดนี้ค่ะ  คือ ด้านผุพังตามที่บีมเข้าใจ จริง ๆ มันคือ shadow หรือ เงาของเรา นี่เอง เป็นส่วนที่เราเก็บกดมันเอาไว้ ปฏิเสธมัน ละทิ้งมัน ซึ่งตัวบีมเองได้ทำ shadow work มานาน 6 ปีแล้ว แต่ก่อนหน้านี้ ไม่รู้ว่ามันเรียกว่า shadow work คือ เราเผชิญหน้ากับโซนมืดในจิตเราแล้วโอบกอด มองเห็น เข้าใจ มันก็จะเบาบางและสลายหายไป ถ้าเรารู้วิธี process เขาได้ถูกต้อง เราจะสามารถเปลี่ยน shadow มาเป็นจุดแข็ง เป็นพลังงานที่สมดุลให้กับเราได้ค่ะ เพราะจริง ๆ เราไม่ใช่แค่แสง แต่คือ แสงและเงา เราคือ wholeness ไม่ใช่อย่างใดอย่างหนึ่ง ...

สรุปเรื่องความสัมพันธ์เป็นพิษของคู่พลังตรงข้าม "เอ็มพาธ VS นาร์ซิซิส" และทางออกที่ยั่งยืน

 หลังจากที่ได้เป็นทั้งผู้ดูและผู้ลงมือทำในสนามความสัมพันธ์ลักษณะนี้มาตั้งแต่ 2 ปีที่แล้ว (ที่ได้รู้จักคำว่านาร์ซิซิสเป็นครั้งแรกจากคลิปหนึ่งใน TikTok) ทั้งจากปัญหาของตัวเองและของเพื่อน ๆ เอ็มพาธที่มาปรึกษากันส่วนตัว จนถึงวันนี้ 24 ต.ค. 2568 บีมได้มองเห็นมันชัดเจนจากมุมนกบินสูง (bird-eyed view) และบีมได้ตัดสินใจเอา "ฉลาก" คำว่า "เอ็มพาธ" กับ "นาร์ซิซิส" ออกไป เหลือแต่สิ่งที่เป็นจริงให้เราสัมผัสและเห็นได้เท่านั้น บีมจะสรุปส่งท้ายบทเรียนบทนี้ให้ดังนี้นะคะ ความสัมพันธ์แบบนี้ มองได้ทั้งมุมจิตวิทยา พลังงาน และจิตวิญญาณ การจัดการปัญหาความสัมพันธ์แบบนี้ให้จบ ถ้าจะให้เร็วแนะนำให้ใช้ร่วมกันไปเลยค่ะ มองด้วยมุมกว้างแบบจิตวิญญาณ และเอาวิธีจัดการที่เด็ดขาดได้ผลเร็วแบบทางจิตวิทยา เพราะมันเป็นความเสียหายที่เกิดขึ้นทางกายภาพ มันทำให้ระบบประสาทและสารเคมีในสมองเปลี่ยนแปลงไป มากน้อยเท่าไหร่อยู่ที่ความรุนแรงและระยะยาวของการอยู่ในความสัมพันธ์นี้ ทำให้มองเห็นอะไรผิดเพี้ยนจากความจริงไปเยอะมาก ส่วนในเชิงพลังงานนั้น จะตรงไปตรงมาที่สุด เพราะเป็นการสั่นสะเทือน ไม่ต้องมีคำพูดอธิบายอะไ...