ที่มาของบล็อกนี้ เกิดจากตอนที่บีมดูคลิป Sit Down with Stand Up ที่ป๋าเต๊ดสัมภาษณ์พี่โน้ส อุดม แต้พานิช ไปได้ครึ่งตอน แล้วบีมก็รู้สึกว่า เราเองก็อยากรวบรวมทุกคอนเท้นต์ที่เราเคยทำมาให้คนอื่น ๆ ได้เรียนรู้เหมือนกัน ซึ่งพี่เขาเองก็มีจุดที่มีปัญหาอยู่ แต่เขาก็สร้างสรรค์อะไรมากมายได้ ใช้ชีวิตในแบบของเขามาได้เรื่อย ๆ และเขาก็พูดว่า จริง ๆ แล้วทุกคนมีสิ่งผุพังอยู่หมดล่ะครับ แต่แค่แสดงว่าเป็นปกติเท่านั้นเอง (จริง ๆ คำพูดอาจต่างจากนี้นะคะ แต่ใจความประมาณนี้ค่ะ) ซึ่งบีมเองก็เห็นด้วยมาก ๆ กับคำพูดนี้ค่ะ คือ ด้านผุพังตามที่บีมเข้าใจ จริง ๆ มันคือ shadow หรือ เงาของเรา นี่เอง เป็นส่วนที่เราเก็บกดมันเอาไว้ ปฏิเสธมัน ละทิ้งมัน ซึ่งตัวบีมเองได้ทำ shadow work มานาน 6 ปีแล้ว แต่ก่อนหน้านี้ ไม่รู้ว่ามันเรียกว่า shadow work คือ เราเผชิญหน้ากับโซนมืดในจิตเราแล้วโอบกอด มองเห็น เข้าใจ มันก็จะเบาบางและสลายหายไป ถ้าเรารู้วิธี process เขาได้ถูกต้อง เราจะสามารถเปลี่ยน shadow มาเป็นจุดแข็ง เป็นพลังงานที่สมดุลให้กับเราได้ค่ะ เพราะจริง ๆ เราไม่ใช่แค่แสง แต่คือ แสงและเงา เราคือ wholeness ไม่ใช่อย่างใดอย่างหนึ่ง ...
หลังจากที่ได้เป็นทั้งผู้ดูและผู้ลงมือทำในสนามความสัมพันธ์ลักษณะนี้มาตั้งแต่ 2 ปีที่แล้ว (ที่ได้รู้จักคำว่านาร์ซิซิสเป็นครั้งแรกจากคลิปหนึ่งใน TikTok) ทั้งจากปัญหาของตัวเองและของเพื่อน ๆ เอ็มพาธที่มาปรึกษากันส่วนตัว จนถึงวันนี้ 24 ต.ค. 2568 บีมได้มองเห็นมันชัดเจนจากมุมนกบินสูง (bird-eyed view) และบีมได้ตัดสินใจเอา "ฉลาก" คำว่า "เอ็มพาธ" กับ "นาร์ซิซิส" ออกไป เหลือแต่สิ่งที่เป็นจริงให้เราสัมผัสและเห็นได้เท่านั้น บีมจะสรุปส่งท้ายบทเรียนบทนี้ให้ดังนี้นะคะ ความสัมพันธ์แบบนี้ มองได้ทั้งมุมจิตวิทยา พลังงาน และจิตวิญญาณ การจัดการปัญหาความสัมพันธ์แบบนี้ให้จบ ถ้าจะให้เร็วแนะนำให้ใช้ร่วมกันไปเลยค่ะ มองด้วยมุมกว้างแบบจิตวิญญาณ และเอาวิธีจัดการที่เด็ดขาดได้ผลเร็วแบบทางจิตวิทยา เพราะมันเป็นความเสียหายที่เกิดขึ้นทางกายภาพ มันทำให้ระบบประสาทและสารเคมีในสมองเปลี่ยนแปลงไป มากน้อยเท่าไหร่อยู่ที่ความรุนแรงและระยะยาวของการอยู่ในความสัมพันธ์นี้ ทำให้มองเห็นอะไรผิดเพี้ยนจากความจริงไปเยอะมาก ส่วนในเชิงพลังงานนั้น จะตรงไปตรงมาที่สุด เพราะเป็นการสั่นสะเทือน ไม่ต้องมีคำพูดอธิบายอะไ...